จะเรียกว่าโชคดีได้มั้ยก็ไม่รู้ ที่พี่สาวเราทำงานอยู่ธนาคารที่พอจะมีสวัสดิการและรู้ระบบในการหมุนเงินพอสมควร การกู้เงินเราเลยยกให้เป็นหน้าที่ของนางไป และอีกความโชคดีหนึ่งก็อยู่ตรงที่พี่ชายสุดหล่อของป๊ะป๋า (เรียกลุงง่ายกว่าเป่า ) ทำงานราชการและดูแลเรื่องการปลูกสร้างอยู่แล้ว เลยมีที่ปรึกษาชั้นเยี่ยม ลุงเลยแนะนำให้เราเลือกใช้บริการ “Royal House” (จะเสียค่าโฆษณามั้ยอ้ะ)
เหตุผลที่เลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านแบบนี้ คุณลุงให้เหตุผลว่า อย่างน้อยจะได้ตัดปัญหาเรื่องผู้รับเหมาทิ้งงาน (ซึ่งคิดว่าหลายๆ ท่านคงได้ประสบพบเจอกันมาบ้างแล้ว) เพราะต้องมีการเซ็นสัญญากันอย่างชัดเจน ว่าจะทำอะไรให้กับเราบ้าง ส่วนที่อยู่นอกสัญญาทางบริษัทจะติดต่อให้ และใช้วิธีการจ้างผ่านบริษัท อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าราคาตลาดอยู่บ้าง เพราะแน่นอนว่า บริษัทจะต้องมีกำไร ค่าบริหารจัดการ ค่าติดต่อประสานงาน บลา บลา บลา แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า มีการรับประกันอย่างถูกต้อง และบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างจากการทำงานของผู้รับเหมาเหล่านั้น (ซึ่งได้เห็นผลดีของการจ้างบริษัท เมื่อตอนบ้านใกล้เสร็จ --- อดใจรอสักครู่ จะเล่าให้ฟังตอนท้าย)
ปฏิบัติการปลูกบ้านใหม่จึงเริ่มขึ้น... ระบบการทำงานของ Royal House ก็คือ การติดต่อผู้รับเหมาเจ้าอื่นๆ ที่ให้บริการด้านต่างๆ มาทำงานให้ลูกค้าแต่ละหลัง ส่วนใหญ่จะรวมอยู่ในสัญญาอยู่แล้ว แต่บางอย่างก็จะไม่รวม ซึ่งตรงนี้ต้องดูให้ดีๆ นะคะ ว่าตรงจุดไหนบ้างที่เราต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก (ต้องเตรียมเงินสดไว้ต่างหากจำนวนหนึ่ง ซึ่งเราคาดเดาไว้ว่าประมาณ 5 แสนบาท)
บริษัทได้ติดต่อผู้รับเหมาที่จะมารับซื้อบ้านไม้หลังเก่าของเราทดแทนค่ารื้อถอน บอกตรงๆ ว่าเสียดายไม้มากๆ เพราะมีทั้งไม้สัก ไม้แดงดีๆ ชิ้นเป้งๆ แต่ไม่มีปัญญาจะเก็บไว้ต้องขายหมด (แหม ถ้ามีเงินซัก 10 ล้าน จะเก็บไว้ให้หมดเลยเชียว)
บ้านไม้หลังเดิมเริ่มมีการรื้อถอนในวันแรก
หลังจากขั้นตอนของการออกแบบบ้านเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทั้งการยื่นแบบกับทางเขต และแก้แบบแล้ว ชนิดที่เรียกว่า แก้แล้วแก้อีก (ขั้นตอนนี้ลุงเราเป็นคนดูแลให้ทั้งหมด) จนในที่สุดก็ได้เวลาลงเสาเข็มและขึ้นเสาเอก --- ไม่มีการเชิญพระ (เพราะพระที่สนิทท่านเสียไปแล้ว) ไม่มีการเชิญพราหมณ์ (เพราะไม่รู้จะไปเชิญที่ไหน) เอาละฟระ ทำเองก็ได้ 555
พอถึงขั้นตอนนี้ เราสังเกตเห็นว่าห้องน้อนชั้นล่าง และห้องนอนเล็กชั้นบนพอก่ออิฐขึ้นเสาแล้ว จะเหลือพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก แบบมากจริงๆ อะค่ะ (อันนี้ต้องระวังตอนเขียนแบบบ้านให้ดีนะคะ ว่าเหลือพื้นที่ใช้สอยเท่าไร เพราะเสาแต่ละต้น จะกินพื้นที่เข้าไปอีกค่ะ) เราเลยตัดสินใจให้ช่างรื้อกำแพงด้านล่างบางส่วนออกแล้วทะลุห้องให้กว้างขึ้น ส่วนชั้นบนที่ยังไม่ก่อ ก็เปลี่ยนแปลนใหม่ ทำเป็นห้องพระเล็กแทน แล้วขยายห้องนอนเล็กสองห้องรวมกันเป็นห้องเดียว
หลังจากขั้นตอนนี้ บริษัทจะเริ่มมีการบ้านมาให้เราทำค่ะ เช่นการเลือกสีบ้าน การเลือกแบบห้องน้ำ วัสดุ กระเบื้องปูพื้น ซึ่งเราจะต้องไปเลือกเองตามร้านที่บริษัทมีดีลไว้ โดยมีข้อจำกัดอยู่ที่ราคาตามแพคเกจที่เราเลือก ทางร้านจะคำนวณให้ว่า แบบไหนที่อยู่ในขอบเขตราคาของสัญญา แต่ถ้าเราอยากได้แบบอื่นๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ จ่ายส่วนต่างเพิ่มไป ซึ่งเราเลือกร้าน แกรนด์โฮมมาร์ท เพราะรอยัลเฮาส์ สาขาดุสิตมีดีลไว้อยู่ แล้วทางบริษัทก็บอกว่า ร้านนี้จะให้บริการดี ซึ่งก็โอเคค่ะ เมื่อเราเลือกลายกระเบื้องได้แล้ว ทางร้านก็จะออกแบบลายห้องน้ำมาให้เราเลือก ซึ่งเค้าจะถามความต้องการเราก่อนว่าอยากได้แนวๆ ไหน
ในตอนแรก บริษัทให้ดูราคาของ Gehouse ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับต้นๆ แต่พอเห็นราคาแล้วลมจะใส่ >..< ขออันที่ไม่มีแบรนด์แล้วถูกกว่านี้ได้มิคะ บริษัทเลยส่งมาให้ใหม่ เป็นแบรนด์ลูกของเกอฮาวอีกที แต่โรงงานเดียวกันค่ะ โอยยย ค่อยยังชั่ว ราคารวมมุ้งลวดทั้งหลังแล้วก็ประมาณ 7 หมื่นบาทค่ะ
เมื่อสีภายนอกเรียบร้อยก็ถึงคราวของสีภายใน แต่ด้วยความที่ช่วงนั้นงานยุ่งมาก เลยไม่ได้เข้าไปดูเลย จนพี่แม่บ้านมาบอกว่า ได้เข้าไปดูสีที่เลือกรึยัง ก็เริ่มตะหงิดๆ เพราะเลือกโทนสีชมพูไว้ เดินเข้าไป ลมจะใส่ ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ
เราเลือกสีโทนชมพูไว้สองสี คือสีเข้มและสีอ่อน แต่แบบที่เราส่งให้ช่าง ใส่รหัสสีผิดไป 1 ชั้น สลับกับรหัสสีอ่อน แล้วช่างไปเข้าใจว่า สั่งสีเข้มทั้งบ้าน งานเข้าสิคะ สีชมพูวัดชัดๆ อยากจะร้องไห้ สั่งเปลี่ยนทั้งหลังทันทีค่ะ วีนบ้านแตก ช่างยอมเปลี่ยนให้แบบมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เราไม่ยอมเพราะเราใส่รหัสสีผิดแค่ชั้น 1 แต่ชั้น 2 ใส่ถูก เลยบอกว่าขอจ่ายแค่ครึ่งเดียว ช่างก็โอเค ทั้งหมด 8000 บาท (แต่สุดท้ายก็จ่ายให้ทั้งหมด แอบสงสาร )
มาถึงตรงนี้เมื่อรวมค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา 5 แสนบาทไม่พอแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นค่าหน้าต่าง UPVC ค่าทำครีบกันดิน ค่ารั้ว ค่ารางน้ำ ค่าเหล็กดัด ค่ากันสาดหลังบ้าน สรุปว่าต้องกู้เพิ่มอีกสองแสน (ซึ่งก็ยังไม่พอและส่อแววว่าจะต้องกู้เพิ่มอีกแต่แค่หลักหมื่นค่ะ)
เมื่อรั้วใกล้เสร็จ ปัญหาใหญ่เริ่มมาแล้วค่ะ
ก่อนหน้านี้ก็มีรายการเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เจ้าของบ้านจะต้องจัดการหาซื้อเองไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำ ก๊อกน้ำที่เพิ่ม หรือโคมไฟหน้าบ้าน ออดหน้าบ้าน ซึ่งทางบริษัทก็จะหาช่างมาให้ แล้วคิดราคาช่างไป ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่ เราก็ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน ว่าปั๊มน้ำรุ่นล่าสุดที่เพิ่งติดตั้งไปเมื่อวาน “โดนขโมย” !!!
ช็อคสิคะ ปั๊มราคาหมื่นกว่าบาท เพราะเป็นสแตนเลสและมีระบบเลเซอร์วัดระดับน้ำ น้ำตาแตกเลยค่ะ เงินหลักหมื่นสำหรับพนักงานออฟฟิศอย่างเรา ถือว่าเยอะมากนะคะ เครียดจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่
ที่สุดจะแค้นใจมากกว่านั้นก็คือ เราได้ยินเสียงขโมยค่ะ
ปกติเราจะนอนอยู่บ้านหลังติดกันกับบ้านที่สร้าง เพราะที่บ้านจะอยู่ในบริเวณเดียวกันหมด 3 หลัง ลุงเราย้ายออกไปซื้อบ้านใหม่ เราเลยย้ายมาอยู่ที่บ้านลุงแทน ซึ่งห้องนอนเราจะติดกับปั๊มมากที่สุด เราได้ยินเสียงเหมือนแทงค์น้ำที่วางอยู่ข้างปั๊มมีอะไรมาชน (ซึ่งโดยปกติแล้วจะชอบมีแมวกระโดดไปมาอยู่แล้ว) ใช่ค่ะ เราเข้าใจว่าเป็นแมวกระโดดลงมาบนแทงค์น้ำ สักพักเราก็ได้ยินเสียงดังมาก เหมือนอะไรหล่นใส่กันสาด ดังกรอบแกรบ เอาอีกแล้วค่ะ เราเข้าใจว่าเป็นงู มากินหนู (ซึ่งปกติมักจะมีเสียงประหลาดๆ แบบนี้เกิดขึ้นรอบบ้านเราอยู่เสมอๆ) เรานอนต่อค่ะ โอ๊ยยยย อยากจะกรีดร้อง แค้นมาก !!!!
เสียงดังกรอบแกรบที่ได้ยินคือเสียงงัดประตูหลังบ้านค่ะ ซึ่งเป็นประตูบานเดียวของบ้านที่ไม่ติด UPVC เป็นประตูไม้ลงกลอนธรรมดา (จุดอ่อนที่สุดของบ้านเลย) ช่างทำเหล็กดัดบอกว่า ประตูนี้ประตูเดียวที่งัดได้ และที่สำคัญ กุญแจที่ใช้กับ UPVC ปั๊มไม่ได้นะฮ้าฟฟฟฟ ต้องใช้ของที่บริษัทให้มาเท่านั้นจ้ะ (ให้มา 3 ดอกค่ะ)
ตำรวจสันนิษฐานว่า เริ่มงัดจากกลอนลูกบิดก่อน เพราะง่ายที่สุด แล้วค่อยใช้ไม้งัดให้กลอนข้างบนหลุดออกมา คนงานคาดว่า จะเข้ามาเอาแผงไฟในบ้าน เพราะขายได้ราคาดี แต่โดนไฟดูดซะก่อน
ตำรวจบอกว่า บ้านที่กำลังสร้างเสร็จใหม่ๆ แกงค์พวกนี้จะคอยมองว่ามีอะไรมาติดตั้งแล้วบ้าง เพื่อจะหาช่องทางขโมยของใหม่ๆ ซึ่งเราพลาดตรงที่แคมป์คนงานอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 หลัง และหัวหน้าช่างก็ไม่ได้มาเปิดไฟให้ (กุญแจอยู่กับเค้าตลอด)
ภายหลังตำรวจกลับไปแล้ว ทางบริษัทเลยสั่งให้คนงานมานอนเฝ้าบ้านและเปิดไฟทุกคืน เพราะประตูรั้วยังไม่เสร็จ และกลัวขโมยจะย้อนกลับมาอีก ปรากฏว่า คนงานที่มานอนคืนนั้นบอกว่า มีมอเตอร์ไซค์ขับวนมาดูอีก โอยยย อยากจะกรีดร้องอีกรอบ จะมาเอาอะไรกับบ้านช้านนนนนนน
ปัญหาไม่ได้จบอยู่แค่นั้นค่ะ อยู่ดีดีคนงานก็หยุดงานไปโดยไม่ทราบสาเหตุ บ้านก็ไม่มานอนเฝ้า ให้เหมือนเดิม ด้วยความเอะใจ เพราะได้ยินเสียงเหมือนว่าบริษัทจะมีปัญหากับคนงาน เราเลยตัดสินใจโทรแจ้งวิศวกรที่คุมงานตอน 2 ทุ่มกว่าๆ ซึ่งคืนนั้น น้องที่ดูแลบ้านเราอยู่ ก็เข้ามาเปิดไฟให้พร้อมกับพนักงานของบริษัทอีกคนหนึ่ง ตอนแรกเราจะไปตามคนงานมาเอง แต่น้องห้ามไว้ เกรงว่าจะมีอันตราย (เอ๊ะยังไง) เราเลยเริ่มสงสัยเพราะก่อนหน้านี้ คนงานได้มายืมเงินที่บ้านเราไป สองพันบาท บอกว่า บริษัทไม่จ่ายเงิน เราเลยถามน้องว่า มีปัญหาเรื่องเงินอะไรเกิดขึ้น และได้มารู้ทีหลังว่า หัวหน้าคนงานไม่จ่ายเงินให้กับคนงาน ทั้งที่บริษัทก็จ่ายให้ครบ แล้วตัวเราก็จ่ายให้บริษัทครบตามสัญญา
จนวันหนึ่งเราลางานมาดูช่างที่ติดมุ้งลวด และได้เจอกับหัวหน้าศูนย์ของ Royal House เขตดุสิต (จำตำแหน่งไม่ได้ขออภัยด้วยค่ะ) เข้ามาพร้อมน้องวิศวกรที่คุมงาน เลยได้รู้เรื่องว่า จริงๆ แล้ว หัวหน้าคนงานติดพนันบอล เลยไม่มีเงินไปจ่ายลูกน้องแต่ยังไม่กล้าทิ้งงาน เลยยังคาราคาซัง โอ้ววววววว นอกจากมีขโมยแล้ว ยังเจอปัญหาคนงานอีก ฮืออออออ
ระหว่างเดินสำรวจบ้านกันอยู่นั้น อยู่ดีๆ น้องวิศวกรก็ทักขึ้นมาว่า อุปกรณ์ในห้องน้ำหายไป ทั้งที่เมือคืนที่มาเปิดไฟให้ยังมีอยู่เลย เฮ้ย นี่มันอะไรก๊านนนนนนนนนนนนนนน
เราปริ่มๆ จะร้องไห้อยู่ตรงนั้น เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเอง และมั่นใจว่าต้องใช่คนงานแน่ๆ เพราะประตูหลังบ้านที่โดนงัดก็เอาไม้บันไดกั้นไว้ (ซึ่งไม้ยังอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีทางที่คนจะออกไปได้โดยเอาไม้พาดกลับคืน) แล้วคนเดียวที่มีกุญแจเข้าออกบ้านได้ คือหัวหน้าคนงานเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ บอกได้คำเดียวว่า เราซึ้งน้ำใจ Royal House เขตดุสิตมากค่ะ เรารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองขั้นรุนแรง อยากจะขอกุญแจมาเก็บไว้เอง แล้วเริ่มกังวลว่า เค้าจะเอากุญแจไปปั๊มมั้ย ซึ่งทางหัวหน้ายืนยันว่า ปั๊มไม่ได้แน่นอน แต่เพื่อความสบายใจ เค้ายินดีเปลี่ยนกุญแจให้ทั้งชุด และชดใช้ของที่เสียหายคืนให้เราทั้งหมด ซื้อปั๊มน้ำใหม่และของที่โดนขโมยมาคืนให้ เปลี่ยนประตูให้ใหม่ และยินดีที่จะเปลี่ยนกุญแจประตูรั้วหน้าบ้านให้ โดยให้เราเอาบิลไปเก็บค่าใช้จ่ายที่บริษัท
ถามว่าดีใจมั้ย ที่จะมีคนชดใช้ค่าเสียหายให้ คงตอบว่ายังไงก็ดีใจอยู่แล้ว แต่ที่รู้สึกมากไปกว่านั้น คือน้ำใจที่ทางบริษัทมีให้ ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ในความรู้สึกของลูกค้า หรืออะไรก็ตามแต่ เพราะบอกตรงๆ ว่า ความรู้สึกของเราตอนนั้น ไม่ได้คิดถึงมูลค่าความเสียหายของของที่โดนขโมยเลย เรากลัวความไม่ปลอดภัยของเรามากกว่า ว่าต่อไปนี้เราจะอยู่ยังไง ท่ามกลางคนงานที่คาดว่า จะเป็นขโมย แถมยังมีปัญหากับบริษัทแบบนี้อีก
วันรุ่งขึ้น คนงานขนของทุกอย่างขึ้นรถบรรทุกไปทั้งหมด และคนงานก็ย้ายตามไปในวันต่อไป พร้อมนำเงินที่ยืมไปมาคืนให้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความอุ่นใจให้เราได้จริงๆ ค่ะ ที่เรามั่นใจว่าเป็นฝีมือของคนงานนั้น เพราะเราอยู่บ้านหลังนี้มาตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิด ในระแวกบ้าน ซอยบ้าน ไม่เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้กันมาก่อนเลยจริงๆ
วันนี้ เป็นวันที่ช่างเข้ามาทำความสะอาดบ้านเนื่องจากเก็บสีและรายละเอียดอื่นๆ เสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบบ้านได้ภายในวันจันทร์หน้าแล้วค่ะ
วันนี้นอกจากตั้งใจจะมาเขียนรีวิวแบ่งปันประสบการณ์เรื่องการสร้างบ้านบนพื้นที่เดิมแล้ว เราอยากจะขอบคุณ Royal House สาขาดุสิตค่ะ
ขอบคุณ ที่พวกคุณเอาใจใส่ความรู้สึก ความไม่มั่นคง ความไม่ปลอดภัยของลูกค้า
ขอบคุณที่พวกคุณร่วมมือกับเราในการปัญหาต่างๆ ให้มันผ่านลุล่วงไปได้ แม้จะมีบางทีที่เราอาจจะเผลอหลุดวีนเหวี่ยงไปบ้าง เวลาที่งานไม่เป็นไปตามแผน หรือตามที่สั่งไว้ แต่เราเข้าใจค่ะ ว่าบางครั้งการทำงาน มันก็ต้องการหลุดบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งการตอบแทนที่ Royal House ทำให้ มันทำให้เราให้อภัยเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ไปได้จริงๆ
ขอบคุณน้องบิ๊ก โฟร์แมนตัวแสบ ที่มีบางครั้งหลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง แต่ก็ขยันขันแข็งทำงานตามสั่งลูกพี่ และดูแลการปลูกสร้างบ้านของเราให้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดี
ขอบคุณน้องแนน เซลล์สาวผู้น่ารัก ที่คอยรับโทรศัพท์เราตอนดึกๆ เวลาตามตัวเจ้าบิ๊กไม่ได้
ขอบคุณน้องนนท์ลูกพี่ใหญ่ที่คอยควบคุมงานตามคำขอของลูกค้าสุดเรื่องมากอย่างเราได้อย่างรวดเร็วฉับไว
(ตอนหลังถึงขั้นตั้งไลน์กรุ๊ปเพื่อตามงานกัน --- บอกตรงๆ ว่าบางทีก็ไม่กล้าโทรตามงานนอกเวลา Office Hour แต่มานึกขึ้นได้หลังเลิกงานทุกทีน่ะสิ T_T เก๊าขอโต้ดนะ)
ขอจบการรีวิวบ้านน้อยของเราไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม จะมาอัพเดทให้ดูค่ะ ^^
เมื่อสักครู่นี้ โฟร์แมนส่งภาพการล้างบ้าน ซึ่งเป็นขั้นตอนเกือบสุดท้ายมาให้ดูค่ะ ละเอียดแค่ไหนมาดูกันค่ะ
มาอัพเดทให้เพิ่มเติมนะคะ เป็นภาพที่น้องโฟร์แมนส่งมาให้ดู ถ่ายล่าสุดเมื่อตอนเย็นค่ะ
ขอบคุณเว็บไซต์ที่มา : กระทู้พันทิป